วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พระพากุลเถระ เอตทัคคะ : เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีโรคภัยไข้เจ็บน้อยที่สุดด้วย


ชีวประวัติและการศึกษา
                พากุละ แปลว่า คนสองตระกูล ไม่ปรากฎนามของบิดามารดา ท่านเป็นบุตรเศรษฐีในเมืองโกสัมพี
                เมื่อเวลาที่ท่านคลอดออกมาได้ ๕ วัน มีการทำมงคลโกนผมหน้าไฟพร้อมทั้งตั้งชื่อ พี่เลี้ยงนางนมได้พาท่านไปอาบน้ำที่แม่น้ำคงคา ขณะนั้นได้มีปลาใหญ่ตัวหนึ่งมาคาบเอาทารกแล้วกลืนเข้าไปในท้อง แต่เพราะเด็กนั้นเป็นผู้มีบุญ ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า ปัจฉิมภวิกสัตว์แปลว่า ผู้เกิดในภพสุดท้ายถ้ายังไม่บรรลุพระอรหันต์ อย่างไรเสียก็จักยังไม่ตาย
            ต่อมาปลาได้ถูกชาวประมงจับได้แล้วนำไปขายให้ตระกูลเศรษฐีในเมืองพาราณสี พอผ่าท้องปลาออกมา ก็ได้เจอทารกน้อย เลยเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม
                ฝ่ายบิดามารดาเก่าเมื่อได้ทราบข่าวจึงมาขอบุตรคืน แต่ทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันไม่ได้ จึงถวายฎีกาต่อพระเจ้าพาราณสี พระองค์จึงทรงวินิจฉัยให้ตระกูลทั้งสองสลับเปลี่ยนกันเลี้ยงตระกูลละ ๔ เดือนท่านใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลทั้ง ๒ อย่างมีความสุข จนกระทั่งอายุถึง ๘๐ ปี
                ท่านพร้อมด้วยบริวารได้ไปฟังพระธรรมเทศนา ในเวลาที่พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดชาวเมืองพาราณสี จึงได้ทูลขอบวช ในขณะที่ท่านมีอายุ ๘๐ ปี เมื่อท่านบวชแล้ว ก็ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติด้วยความไม่ประมาท มีความพากเพียรพยายามเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพียง ๗ วัน ก็ได้บรรลุพระอรหันต์
                ท่านได้มีอายุยืนถึง ๑๖๐ ปีคือเป็นฆราวาส ๘๐ ปี และเป็นพระอยู่ ๘๐ ปี ตำนานกล่าวว่าท่านมีอายุยืนยาวนาน เพราะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน โดยไม่ต้องฉันยารักษาโรคเลยที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านเคยสร้างเว็จจกุฎีถวายสงฆ์ และได้บริจาคยาให้เป็นทานนั้นเอง
ข้อควรจำ
            ๑. ท่านเป็นลูกเศรษฐี เมืองโกสัมพี
            ๒. เมื่ออายุท่านได้ ๕ วัน พี่เลี้ยงนำไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา เกิดเหตุปลาใหญ่กลืนท่านเข้าไปแต่ไม่ตาย เพราะท่านเป็นสัตว์มีภพสุดท้าย(ปัจฉิมภวิกสัตว์) ชาวประมงจับปลาได้จึงนำไปให้เศรษฐี      เมืองพาราณสี    
            ๓. ท่านเศรษฐีจึงเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ท่านจึงมีสองพ่อผลัดกันเลี้ยงดู
            ๔. ท่านได้มีโอกาสฟังธรรมและบวชเมื่อตอนอายุ ๘๐ ปี บวชเพียง ๗ วันก็บรรลุพระอรหัตต์
            ๕. ท่านมีอายุยืน ๑๖๐ ปี คือเป็นฆราวาส ๘๐ ปีเป็นพระ ๘๐ ปี และไม่มีโรคภัย เบียดเบียน
ท่านได้รับการยกย่อง ว่าเป็นผู้มีอาพาธน้อย

พระพาหิยทารุจีริยเถระ เอตทัคคะ : ในทางเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายตรัสรู้เร็วพลัน


ชีวประวัติและการศึกษา
                เดิมชื่อว่า “พาหิยะ”  ภายหลังท่านนุ่งเปลือกไม้ จึงได้ชื่อใหม่ว่า “พาหิย-ทารุจีริยะ” แปลว่า พาหิยะผู้มีเปลือกไม้เป็นเครื่องนุ่งห่ม เกิดในตระกูลกุฎุมพี (พ่อค้า) ในแคว้นพาหิยรัฐ
                ท่านมีอาชีพค้าขายโดยทางเรือที่ท่าสุปปารกะ ในอปรันตชนบทวันหนึ่งทะเลเกิดมรสุมคลื่นซัด  เรืออัปปาง ลูกเรือตายหมด ท่านรอดคนเดียว เพราะอาศัยกระดานลอยน้ำเข้าฝั่งโดยที่ร่างกายไม่เหลืออะไรปกปิดความละอาย จึงได้เอาใบไม้บ้าง เปลือกไม้บ้างมานุ่งห่มแล้วจึงเที่ยวขออาหารกิน ประชาชนทั้งหลายเห็นคิดว่าท่านเป็นพระอรหันต์
                ท่านหลงเข้าใจว่าท่านเป็นพระอรหันต์ เพราะอยู่อย่างสุขสบายด้วยลาภสักการะที่ผู้เลื่อมใสนำมามอบให้ ต่อมามหาพรหมองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าในอดีตชาติ ได้แปลงร่างลงมาจากพรหมชั้นสุทธาวาสเพื่อเตือนสติท่านว่าไม่ใช่พระอรหันต์ และได้บอกว่าตอนนี้พระพุทธองค์ซึ่งเป็นพระอรหันต์ได้ประทับอยู่ที่วัดพระเชตวัน กรุงสาวัตถี แคว้นโกศล
            จากนั้นท่านจึงทูลขอบวช พระพุทธเจ้ารับสั่งให้ท่านหาบาตรและจีวรมาก่อน ท่านได้ทำตามด้วยการแสดงหา ในขณะนั้นก็ได้ถูกแม่โคลูกอ่อนขวิดเสียชีวิตก่อนกลางทาง จึงนิพพานโดยยังไม่ได้บวชเลย
เพราะพระพาหิยทารุจีริยเถระ ได้บรรลุธรรมเร็วพลัน เพียงฟังพระพุทธพจน์ว่า   ทิฏฺเฐ  ทิฏฺฐํ  มตฺตํ  ภวิสฺสติ    (เมื่อเห็นขอให้เป็นเพียงการเห็น) 
พระศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ในเอตทัคคะว่า  เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายตรัสรู้เร็วพลัน
ข้อควรจำ
 ๑. ท่านเกิดในตระกูลกุฏุมพี แคว้นพาหิยรัฐ
 ๒. คราวหนึ่งเดินทางไปค้าขายทางเรือ เกิดเหตุเรืออัปปาง ท่านรอดชีวิตมาได้ไม่มีเครื่องนุ่งห่มจึงนำใบไม้ เปลือกไม้มาปิดบังร่างกาย จนคนคิดกันว่าท่านเป็นพระอรหันต์ และท่านก็เห็นเป็นเช่นนั้นด้วย
 ๓. มหาพรหม ผู้เป็นเพื่อนเก่าได้มาเตือนสติว่าท่านเข้าใจผิด และแนะนำให้ท่านไปเฝ้าพระศาสดาที่วัดเชตวัน ฟังธรรมแล้วก็บรรลุพระอรหันต์
 ๔. ท่านถูกวัวแม่ลูกอ่อนขวิด แล้วนิพพานขณะไปแสวงหาบาตรและจีวรท่านได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ตรัสรู้เร็ว

พระวักกลิเถระ เอตทัคคะ : ในทางเป็นเลิศแห่งภิกษุผู้เป็นสัทธาวิมุตติ


ชีวประวัติและการศึกษา

                นามเดิม  วักกลิ  บิดาและมารดาของท่านไม่ปรากฎนาม  เกิดอยู่ในวรรณะพราหมณ์  กรุงสาวัตถี   เมื่อโตขึ้น ท่านได้ศึกษาเรียนรู้ จนจบไตรเพท แต่ก็ไม่ปรากฎว่าท่านได้เป็นอาจารย์สอนใคร  เพราะตามอุปนิสัยเดิมของท่านเป็นคนที่รักสวยรักงามมาก
                        จุดเริ่มต้นในการประพฤติปฏิบัติในทางธรรมของท่านก็เพราะได้เห็น พระวรกายอันสง่างามของ  พระพุทธองค์ในขณะที่ พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์เป็นจำนวนมากได้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถีและต้องการบวช  เพราะอยากจะเห็นพระวรกายของพระพุทธองค์ทุกๆวัน  พระพุทธองค์ทรงบวชให้ตามประสงค์
ข้อควรจำ
            ๑. ท่านบวชเพราะอยากดูพระรูปของพระศาสดา หลังบวชแล้วก็ตามดูแต่พระรูปอย่างไม่ลดละ (ติดในพระรูป)
            ๒. ท่านได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้เลิศด้านหลุดพ้นด้วยศรัทธา

พระสีวลีเถระ เอตทัคคะ : เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภมาก


ชีวประวัติและการศึกษา

                        บิดาไม่ปรากฎนาม ส่วนมารดาชื่อว่า พระนางสุปปวาสาซึ่งเป็นพระธิดาเจ้าเมืองโกลิยะท่านอยู่ในครรภ์มารดาถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ในขณะที่อยู่ในพระครรภ์ทำให้พระมารดามีลาภสักการะเกิดขึ้นมากมาย  และเมื่อถึงเวลาคลอด พระนางก็          คลอดง่ายที่สุด
                หลังจากที่ท่านประสูติแล้ว พระมารดาก็ได้ทำบุญมหาทานฉลองตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๗         พระสารีบุตรจึงชวนเธอบวชเธอดีใจมากและได้รับอนุญาตจากพระมารดาเป็นอย่างดี ซึ่งชีวิตท่านถือว่าแปลกที่สุด คือเมื่อคลอดแล้วได้เพียง ๗ วัน มารดาก็ทำงานได้เลย ด้วยการนิมนต์พระพุทธเจ้ามาทำบุญ หลังจากนั้น ท่านได้บวชเป็นสามเณรทันที ซึ่งท่านได้ใช้ชีวิตฆราวาสจริงๆ เพียง ๗ วันเท่านั้น เมื่อบวชแล้ว   ลาภสักการะทั้งหลายก็เกิดขึ้นมากมายแก่ภิกษุทั้งหลาย
            ไม่ได้กล่าวถึงบทบาทไว้ชัดเจน เพียงแต่ท่านเป็นพระที่มีลาภสักการะมาก และเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างมากสำหรับเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย แต่มักจะถูกกล่าวว่าเป็นเพราะบุญเก่า แต่ก็ถือว่าท่านนั้นเป็นผู้ที่มีความสำคัญ เพราะว่าสามารถยังความเลื่อมใสศรัทธาให้เกิดขึ้นแก่ชนทั้งหลายที่ยังไม่ศรัทธา และมีความเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาอยู่แล้วก็เพราะอาศัยบุญญาธิการของท่านนั้นเอง  เพราะเหตุที่ท่านเป็นผู้มีลาภมาก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือจะไปที่ไหนช่วยให้ภิกษุทั้งหลาย ไม่ขัดสนปัจจัยลาภไปด้วย พระศาสดาจึงทรงตั้งท่านไว้ในเอตทัคคะว่าเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้มีลาภมาก
ข้อควรจำ
            ๑. ท่านอยู่ในครรภ์ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน แต่เวลาคลอดกับคลอดง่ายที่สุด        ๒. ท่านบรรลุพระอรหัตน์ในขณะปลงผมเสร็จ
            ๓. ท่านเป็นผู้มีบุญญาธิการในปางก่อนไว้มาก จึงมีลาภเกิดขึ้นมากมาย             ๔. ท่านได้รับการยกย่องว่า  เป็นผู้เลิศในด้านมีลาภมาก