ชีวประวัติและการศึกษา
ชื่อเดิมคือ “กัสสปะ” เกิดในตระกูลพราหมณ์ ที่เมืองพาราณสี แคว้นกาสี
ตระกูลกัสสปโคตร มีพี่ร่วมท้องเดียวกัน คือ น้องชาย ๒ คน ได้แก่ นทีกัสสปะ
และคยากัสสปะ ทั้ง ๓ พี่น้อง ต่างเป็นอาจารย์สอนคัมภีร์ไตรเพท
แก่ศิษย์ผู้เป็นบริวารของตนๆ รวมจำนวนถึง ๑,๐๐๐ คน
ต่อมาท่านเห็นว่าความรู้ที่มีอยู่ไม่มีสาระแก่นสาร
จึงได้ชักชวนกันออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญพรตด้วยการบูชาไฟ ถือว่าตนเป็นพระอรหันต์
สร้างอาศรมสั่งสอนลัทธิอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงส่งสาวก
๖๐ องค์ไปประกาศพระศาสนา และเสด็จไปโปรดชฏิลทั้ง ๓ พี่น้อง
พระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ จนทำให้ชฏิลทั้ง ๓ พี่น้องละพยศลดทิฏฐิมานะกลับมาเลื่อมใส
และยอมรับนับถือพระรัตนตรัย ได้ขอบรรพชาอุปสมบท ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ต่อมาพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมชื่อ“อาทิตตปริยายสูตร” ซึ่งมีใจความว่าตา
หูจมูก ลิ้นกาย และใจ เป็นของร้อน คือร้อนด้วยไฟ คือราคะ โทสะ
และโมหะเป็นต้นเมื่อจบพระธรรมเทศนาท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์
พระเจ้าพิมพิสารทราบข่าว
จึงพร้อมด้วยข้าราชบริพาร เสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้า
พระพุทธองค์ทอดพระเนตรข้าราชบริพารมีกิริยาอาการไม่อ่อนน้อม
จึงตรัสสั่งให้พระอุรุเวลกัสสปะประกาศลัทธิของท่านว่าไม่มีแก่นสาร ท่านจึงได้ทำตามพระพุทธดำรัส คนเหล่านั้นสิ้นความสงสัย
ตั้งใจฟังพระธรรมเทศนา ชื่อว่า “อนุปุพพิกถา
และอริยสัจ ๔”
เวลาจบเทศนา
พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ๑๑ ส่วน
ได้บรรลุโสดา-ปัตติผล อีก ๑ ส่วน ได้ดำรงอยู่ในไตรสรณคมน์ เป็นเหตุให้พระเจ้าพิมพิสารถวายวัดแห่งแรกแก่พระพุทธศาสนาชื่อว่า “เวฬุวัน”
ข้อควรจำ
๑.
ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังธรรมเทศนาชื่อว่า “อาทิตต-ปริยายสูตร” คือ สิ่งทั้งปวงเป็นของร้อน
๒. ท่านมีบริวาร ๕๐๐ นทีกัสสปะ ๓๐๐ คยากัสสปะ ๒๐๐ รวมเป็น ๑,๐๐๐
๓.
ท่านได้เป็นอาจารย์ที่ชาวเมืองราชคฤห์นับถือมาก
๔. ท่านพร้อมทั้งน้องชาย ๒ คน
บูชาไฟอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ชฏิล
แปลว่า ผู้มีผมเป็นมวย หรือผู้มีมวยผมนั้นเอง
๕.
แคว้นมคธ มีราชคฤห์เป็นเมืองหลวง มีพระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้ปกครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น